เทคนิคการเลือกซื้อ กระเป๋าเดินทางให้คุ้มค่าที่สุด

1. เลือกกระเป๋าเดินทางขนาด 26 นิ้ว เพราะเป็นไซซ์ขนาดมาตรฐานของกระเป๋าเดินทางที่ไม่เล็กเกินไปและไม่ใหญ่ถึงขึ้นต้องยกหนัก ขนาด 26 นิ้ว สามารถใส่สัมภาระได้สบายๆ อย่างน้อย 3 – 5 วัน หากมีกรณีกระเป๋าใบเดียวเที่ยวหลายคนนั่นอาจจะต้องเลือกขนาดที่ใหญ่ขึ้นตามความเหมาะสม
2. วัสดุกระเป๋า สายแข็ง หรือ สายอ่อน กระเป๋าเดินทางนั้นสามรถแบ่งออกได้ 2 ประเภทหลักๆ คือ ชนิดแข็ง และ ชนิดผ้า อยู่ที่ความชอบของคุณ
 – ชนิดแข็ง คือ ตัวกระเป๋าทำมาจากพลาสติกจะมีความแข็งแรง ทนทาน เหมาะสำหรับคนที่ใส่สัมภาระที่ต้องการให้อยู่เป็นรูปทรง ป้องกันของข้างในไม่ให้เกิดความเสียบหายหรือแตกหักได้ง่าย
 – ชนิดผ้า คือ ตัวประเป๋าทำมาจากผ้า ยืดหยุ่น ขยายได้ มีน้ำหนักที่เบากว่าแบบชนิดแข็ง ข้อเสียคือสัมภาระข้างในอาจเกิดความเสียหาย ชำรุดได้ง่าย รวมทั้งกระเป๋าอาจขาดได้หากใส่สัมภาระมากจนเกินไป
3. ล้อของกระเป๋าเดินทาง แนะนำให้เลือกกระเป๋าเดินทางแบบ 4 ล้อแทน
2 ล้อ เพราะจะช่วยผ่อนแรงเวลาเคลื่อนที่ได้ดีกว่า และวัสดุของล้อที่ดีนั้นควรเป็นล้อยางทั้งลูก ชนิดที่มีตลับลูกปืน ตัวล้อควรฝีกอยู่ภายในกระเป๋าเดินทางโดยเฉพาะกระเป๋าเดินทางที่ไว้ใต้เครื่องบิน เพราะป้องกันการเสียหายของล้อได้
4. ซิป ต้องมีความแข็งแรง เพราะซิปนั้นเป็นเรื่องสำคัญ ซิปเป็นส่วนที่บอบบาง พัง เสียหายได้ง่าย ซิปกระเป๋าเดินทางแตกระหว่างเดินทางหรือออกทริป การท่องเที่ยวหรือออกทริปพัง ดังนั้นก่อนซื้อกระเป๋าเดินทางแนะนำให้เช็คซิป โดยการทดลองรูดซิปเข้าออกหลาย ๆ ครั้ง เพื่อเช็คความแข็งแรง ความลื่น ทั้งนี้ก็เพื่อให้เกิดความมั่นใจมากขึ้นว่ากระเป๋าเดินทางที่ซื้อมานั้นคุ้มค่าหรือไม่
5. หูหิ้ว และ คันชัก หูหิ้วต้องมีความแข็งแรงสุดๆ เพราะมันเป็นส่วนที่รับน้ำหนักของกระเป๋าทั้งใบเวลายก หูหิ้วควรเป็นแบบยึดเกาะติดกับตัวกระเป๋า ยืดหดได้เป็นอย่างดี จับถนัดมือ ในส่วนของคันชัก เวลาลากกระเป๋า
ควรทดลองดึงขึ้นดึงลงจนมั่นใจว่าแข็งแรง ไม่มีปัญหาว่าจะพังเสียหายได้ง่าย ๆ 
6. ต้องมีสายรัดในกระเป๋า สายรัดกระเป๋ามันจะทำให้การเดินทางของคุณสะดวกสบายไร้กังวล เพราะคุณสามารถอัดของใส่ในกระเป๋าให้มีขนาดเล็กลง เพื่อเพิ่มพื้นที่การใช้งาน อีกทั้งยังช่วยรัดสัมภาระของคุณให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เวลาจะหิ้วหรือจะลากไปไหนของข้างในกระเป๋าก็จะไม่พัง ไม่เกิดความเสียหายง่าย ๆ